มนุษย์ได้คิดค้นเครื่องมือสำหรับช่วยในการคำนวณมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเริ่มจากการใช้นิ้วมือและนิ้วเท้าช่วยนับ ต่อมาก็ใช้สิ่งที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มชุมชนใหญ่มีการติดต่อการกันเป็นอย่างมากขึ้นก็ได้สร้างเครื่องช่วยใน
คอมพิวเตอร์(Computerเร็วใหม่) คือ เครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถจัดการกับสัญลักณ์(Symbol) ต่างๆด้วยความเร็วสูง โดยปฎิบัติตามขั้นตอนของโปรแกรม
คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มนุษย์พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยงานของมนุษย์ ซึ่งงานเหล่านี้มีกจะเป็นงานที่มีขั้นตอนซ้ำๆ และมีปริมาณมาก หรือมีลักษณะที่ต้องคำนวณสลับซับซ้อนต้องใช้คนจำนวนมากในการทำงานนั้นๆ เมื่อนำคอมพิวเตอร์มาช่วยงานเหล่านั้นก็จะสามารถทำเสร็จได้รวดดเร็วขึ้น มีผลลัพธ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ น่าเชื่อถือ
ลักษณะที่สำคัญของคอมพิวเตอร์
1. ทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์และอัตโนมัติ เครื่องคอมพิวเตอร์มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์มีหน้าที่เก็บและจัดการกับตัวเลขหรือขอมูล ตลอดจนคำสั่งหรือโปรแกรมค่าหรือโปรแกรมคำสั่งจะถูกแปลกลับเป็นตัวอักษรหรือตัวเลขที่มนุษย์สามารถเข้าใจได้
2. มีความเร็วสูงในการประมวลผล ภายหลังการบันทึกโปรแกรมและข้อมูลเข้าสู่ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถประมวลผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว และความเร็วในการประมวลผลนี้ไม่สามารถวัดทันด้วยหน่วยวินาที(Second)จึงต้องมีการบัญญัติหน่วยวัดความเร็วใหม่ ได้แก่ มิลลิเซคคั่น (Millisecond) ไมโครเซคคั่น(Microsecond) และพิโคเซคคั่น (Picosecond)
3. มีหน่วยความจำภายในขนาดใหญ่ เพื่อเอาไว้เก็บข้อมูลและโปรแกรมคำสั่งไว้ในตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อส่งโปรแกรมคำสั่งและข้อมูลเข้าสู่ตัวเครื่อง เครื่องคอมพิวเตอร์จะสามารถปฎิบัติงานเองตั้งแต่คำสั่งแรกจนจบคำสั่งสุดท้ายของโปรแกรมโดยไม่ต้องอาศัยมนุษย์เข้าช่วยกลางคัน นอกจากนี้คอมพิวเตอร์ยังมีหน่วยทำงานอื่นๆ ซึ่งช่วยในการคำนวณเปรียบเทียบค่าและควบคุมการทำงานของเครื่อง จึงทำให้สามารถประมวลผลซ้ำๆ กันได้หลายๆรอบ
4. ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและน่าเชื่ิถือ ถ้าโปรแกรมคำสั่งและข้อมูลประกอบวงจรถูกต้องตามลำดับของคอมพิวเตอร์ และตรงตามความประสงค์ของเจ้าของผลงานผลลัพธ์ที่ได้น่าเชื่อถือและนำไปใช้ช่วยตัดสินใจอย่างถูกต้อง
การนับ เครื่องช่วยในการนับที่ให้ประโยชน์ต่อการนับเป็นอย่างมากได้แก่
ลูกคิด ซึ่งกำเนิดขึ้นในประเทศจีน เมื่อ 2,600 ปี ก่อนคริสตกาล จากนั้นก็มีการคิดและการสร้างเครื่องช่วยคำนวณเลื่อยมาจนเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ช่วยงานต่างๆ ได้ ดังนั้นถ้าเราจะถือว่า ลูกคิด เป็นต้นตระกูลของคอมพิวเตอร์ก็คงจะไม่ผิดแต่อย่างใด
ลูกคิดโบราณแบบ 13 แถว
นักคณิตศาสตร์ชาวสก๊อต
Berry
อุปกร์ด้านฮาร์ดแวร์
ยุคของคอมพิวเตอร์
ยุคของคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งได้เป็น 5 ยุค ดังนี้ คือคอมพิวเตอร์ยุคที่ 1
อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2488 ถึง พ.ศ. 2501 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้หลอดสุญญากาศซึ่งใช้กำลังไฟฟ้าสูง จึงมีปัญหาเรื่องความร้อนและไส้หลอดขาดบ่อย ถึงแม้จะมีระบบระบายความร้อนที่ดีมาก การสั่งงานใช้ภาษาเครื่องซึ่งเป็นรหัสตัวเลขที่ยุ่งยากซับซ้อน เครื่องคอมพิวเตอร์ของยุคนี้มีขนาดใหญ่โต เช่น มาร์ค วัน (MARK I), อีนิแอค (ENIAC), ยูนิแวค (UNIVAC)
มาร์ควัน
อินนิแอด
ยูนิแวค
มาร์ควัน
อินิแอค
ยูนิแวค
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 2
คอมพิวเตอร์ยุคที่สอง อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2502 ถึง พ.ศ. 2506 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทรานซิสเตอร์ โดยมีแกนเฟอร์ไรท์เป็นหน่วยความจำ มีอุปกรณ์เก็บข้อมูลสำรองในรูปของสื่อบันทึกแม่เหล็ก เช่น จานแม่เหล็ก ส่วนทางด้านซอฟต์แวร์ก็มีการพัฒนาดีขึ้น โดยสามารถเขียนโปรแกรมด้วยภาษาระดับสูงซึ่งเป็นภาษาที่เขียนเป็นประโยคที่คนสามารถเข้าใจได้ เช่น ภาษาฟอร์แทน ภาษาโคบอล เป็นต้น ภาษาระดับสูงนี้ได้มีการพัฒนาและใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 3
คอมพิวเตอร์ยุคที่สาม อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2507 ถึง พ.ศ. 2512 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจรรวม (Integrated Circuit : IC) โดยวงจรรวมแต่ละตัวจะมีทรานซิสเตอร์บรรจุอยู่ภายในมากมายทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์จะออกแบบซับซ้อนมากขึ้น และสามารถสร้างเป็นโปรแกรมย่อย ๆ ในการกำหนดชุดคำสั่งต่าง ๆ ทางด้านซอฟต์แวร์ก็มีระบบควบคุมที่มีความสามารถสูงทั้งในรูประบบแบ่งเวลาการทำงานให้กับงานหลาย ๆ อย่าง
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 4
คอมพิวเตอร์ยุคที่สี่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 จนถึงปัจจุบัน เป็นยุคของคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจรรวมความจุสูงมาก(Very Large Scale Integration : VLSI) เช่น ไมโครโพรเซสเซอร์ที่บรรจุทรานซิสเตอร์นับหมื่นนับแสนตัว ทำให้ขนาดเครื่องคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงสามารถตั้งบนโต๊ะในสำนักงานหรือพกพาเหมือนกระเป๋าหิ้วไปในที่ต่าง ๆ ได้ ขณะเดียวกันระบบซอฟต์แวร์ก็ได้พัฒนาขีดความสามารถสูงขึ้นมาก มีโปรแกรมสำเร็จให้เลือกใช้กันมากทำให้เกิดความสะดวกในการใช้งานอย่างกว้างขวาง
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 5คอมพิวเตอร์ยุคที่ห้า เป็นคอมพิวเตอร์ที่มนุษย์พยายามนำมาเพื่อช่วยในการตัดสินใจและแก้ปัญหาให้ดียิ่งขึ้น โดยจะมีการเก็บความรอบรู้ต่าง ๆ เข้าไว้ในเครื่อง สามารถเรียกค้นและดึงความรู้ที่สะสมไว้มาใช้งานให้เป็นประโยชน์ คอมพิวเตอร์ยุคนี้เป็นผลจากวิชาการด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ประเทศต่างๆ ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศในทวีปยุโรปกำลังสนใจค้นคว้าและพัฒนาทางด้านนี้กันอย่างจริงจัง
แบบฝึกหัดหน่วยที่ 1
เลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว
1. ข้อใดไม่ใช่ความหมายของคำว่า “คอมพิวเตอร์”
ก. เครื่องสมองไฟฟ้า
ข. เครื่องมือที่ใช่ในการคำนวณ
ค. อุปกรณ์อะไรก็ได้ที่สามารถทำงานร่วมกับชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
ง. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มนุษย์พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยงานของมนุษย์
2. สิ่งใดที่ไม่มีในเครื่องคอมพิวเตอร์
ก. ความคิด
ข. ความจำ
ค. การอ่าน
ง. การเขียน
3. วิวัฒนาการคอมพิวเตอร์มีการพัฒนาเริ่มแรกจากอะไร
ก. การนับ
ข. การวัด
ค. การอ่าน
ง. การเขียน
4. ใครคือผู้ที่คิดอุปกรณ์ที่ใช้ช่วยการคูณ การหาร และถอดกรณฑ์
ก. กอตต์เฟรด ฟอน ลิบนิซ
ข. เบลส์ ปาสคาส
ค. จอห์น เนเปียร์
ง. วิลเลี่ยม ออกเทรด
5. ใครคือบิดาแห่งเครื่องคอมพิวเตอร์
ก. เลดี้ เอดา ออกุสตา เลิฟเลซ
ข . ชาร์ลส์ แบบเบจ
ค. จอห์น เนเปียร์
ง. วิลเลี่ยม ออกเทรด
6. ใครคือนักโปรแกรมเมอร์ คนแรกของโลก
ก. เลดี้ เอดา ออกุสตา เลิฟเลซ
ข. ชาร์ลส์ แบบเบจ
ค. จอห์น เนเปียร์
ง. วิลเลี่ยม ออกเทรด
7. เครื่องคอมพิวเตอร์ที่นำเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกนำมาใช้งานในด้านใด
ก. เพื่อใช้งานทางด้านธุรกิจ
ข. เพื่อใช้งานการสอนและบริการวิชาครู
ค. เพื่อใช้งานทางด้านสถิติของประชากร
ง. เพื่อใช้งานทางด้านอุตสาหกรรม
8. ธนาคารใดนำคอมพิวเตอร์มาใช้เกี่ยวกับงานธนาคาร
ก. ธนาคารทหารไทย
ข. ธนาคารกรุงไทย
ค. ธนาคารไทยพาณิชย์
ง. ธนาคารกรุงเทพ
9. ในยุคที่ทำเครื่องคอมพิวเตอร์หลายเครื่องให้ทำงานร่วมกัน สามารถเก็บข้อมูลได้ทุกชนิด
ก. ยุคที่สอง
ข. ยุคที่สาม
ค. ยุคที่สี่
ง. ยุคที่ห้า
10. ข้อใดมิใช้การพัฒนาเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์
ก. ระบบหุ่นยนต์
ข. ระบบประมวลภาษาพูด
ค. ระบบประมวลผลการจดจำ
ง. ระบบผู้เชี่ยวชาญ
11. การแบ่งประเภทของคอมพิวเตอร์ สามารถจำแนกได้เป็นกี่กลุ่มหลัก
ก. 2กลุ่ม
ข. 3กลุ่ม
ค. 4กลุ่ม
ง. 5กลุ่ม
12. การประมวลผลประเภทใดที่นำมาใช้งานเฉพาะงานด้านวิทยาศาสตร์
ก. คอมพิวเตอร์แบบลูกผสม
ข. คอมพิวเตอร์แบบแอนะล็อก
ค. คอมพิวเตอร์แบบดิจิตอล
ง. คอมพิวเตอร์แบบใช้สัญญาณไฟฟ้าเฉลย
1.ค 2. ก 3. ก 4.ค 5.ข 6.ก 7.ข
8.ง 9. ง 10. ค 11.ข 12.ก
